ธรณีพิบัติภัย เป็นภัยที่เกิดจากการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในน้ำ เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม การระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของน้ำในแนวตั้ง เช่น การเกิดคลื่นสึนามิ คลื่นสึนามิ เกิดจากการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก บริเวณที่มีน้ำทะเลจำนวนมหาศาล ก่อให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ และกระจายออกไปทุกทิศทางในปัจจุบันพบว่า มี 4 สาเหตุหลัก คือ
1. แผ่นดินไหว
2. แผ่นดินถล่มใต้ทะเล
3. ภูเขาไฟระเบิด
4. อุกกาบาตพุ่งชนโลก
4. อุกกาบาตพุ่งชนโลก
- กรณีการเกิดธรณีพิบัติภัยในประเทศไทย
เหตุการณ์การเกิดธรณีพิบัติภัยในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เกิดจากแผ่นเปลือกโลกอินเดียและแผ่นเปลือกโลกพม่าเคลื่อนตัวเข้าหากันก่อให้เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลที่บริเวณทะเลฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตราตตอนเหนือมีความรุนแรงระดับ 8.9 ริคเตอร์ และเกิดอาฟเตอร์ช็อค มากกว่า 60 ครั้งใช้เวลาในการเคลื่อนตัวมายังบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทยประมาณ 1-2 ชั่วโมง และคลื่นมีความสูงประมาณ 0.8-1.7 เมตร แสดงอาณาบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ซึ่งมี Epicenter ที่มหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันตกของเกาะสุมาตราตอนเหนือ ในเวลา 07:58 น. (ประเทศไทย) ซึ่งมีความรุนแรงในระดับ 8.9 ริคเตอร์ ซึ่งผลกระทบด้านด้านต่างๆที่เกิดขึ้นส่งผลเสียกับประเทศมากมายในด้านต่างที่เกิดขึ้นต่อประเทศที่เกิดผลกระทบซึ่งสามารถแยกออกเป็นในแต่ละด้านผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบอย่างมากด้านสังคัมและเศรษฐกิจภายในประเทศดังนี้
จากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัย ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5,395 คน แบ่งเป็นคนไทย 2,059 คน ชาวต่างชาติ 2,436 คน และไม่สามารถระบุได้ 900 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ จังหวัดพังงา 4,225 คน และจังหวัดตรังมีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดจำนวน 6 คน มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 8,457 คน แบ่งเป็นคนไทย 6,065 คน และชาวต่างชาติ 2,392 คน โดยจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บมากที่สุด คือ จังหวัดพังงา 5,597 คน และจังหวัดสตูลมีผู้บาดเจ็บน้อยที่สุดจำนวน 15 คน มีรับแจ้งสูญหายทั้งหมด 2,817 คน แบ่งเป็นคนไทย 1,921 คน และชาวต่างชาติ 896 คน จังหวัดพังงามีรับแจ้งสูญหายสูงสุด 1,655 คน และจังหวัดสตูลไม่มีการรับแจ้งสูญหา
- ในพื้นที่ 6 จังหวัดพิจารณา 7 ประเภท ได้แก่ แนวปะการัง ชายหาด ป่าชายเลน แหล่งน้ำจืด พื้นที่ทิ้งขยะและระบบบำบัดน้ำเสีย, สภาพพื้นที่เสื่อมโทรมหรือดินเค็ม และป่าไม้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- แนวปะการังมีผลกระทบทั้งหมด 4,321 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบเล็กน้อยประมาณ 3,146 ไร่ และได้รับผลกระทบมาก 1,175 ไร่ ซึ่งแนวปะการังที่ได้รับผลกระทบเล็กน้อยส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดกระบี่ (3,125 ไร่) และแนวปะการังที่ได้รับผลกระทบมากอยู่ในจังหวัดพังงา (625 ไร่) และจังหวัดสตูล (550 ไร่)
- ชายหาดได้รับผลกระทบมากที่สุด มีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดประมาณ 6,200 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดพังงา (5,000 ไร่) จังหวัดสตูล (1,200 ไร่) และจังหวัดกระบี่
- ป่าชายเลน ได้รับผลกระทบทั้งหมด 2,495 ไร่ แบ่งเป็น ได้รับผลกระทบน้อย 1,940 ไร่ และได้รับผลกระทบมาก 555 ไร่ สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้อยส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดพังงา (1,900 ไร่) พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากจะอยู่ในจังหวัดระนอง (555 ไร่)
- แหล่งน้ำจืด ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากและส่งผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งพบว่าบ่อ น้ำตื้นได้รับผลกระทบ 136 บ่อ บ่อน้ำบาดาล 149 บ่อ แหล่งน้ำผิวดิน 122 แห่ง และระบบประปา 50 ระบบ โดยจังหวัดกระบี่ และจังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมาก พื้นที่ทิ้งขยะและระบบบำบัดน้ำเสีย ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย และระบบบำบัด น้ำเสียได้รับผลกระทบ 2 แห่ง ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองป่าตอง และเทศบาลตำบลกะรน
- สภาพพื้นที่เสื่อมโทรม พื้นที่ที่ประสบปัญหาดินเค็มทั้งหมด 3,975.5 ไร่ พื้นที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดพังงา (3,500 ไร่) และจังหวัดระนอง (412 ไร่) ป่าไม้ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย โดยได้รับผลกระทบทั้งหมด 4,000 ไร่ จังหวัดพังงาได้รับผลกระทบมากที่สุด 3,500 ไร่ และจังหวัดภูเก็ต พบว่าป่าไม้บริเวณชายหาดมีสภาพเหี่ยวเฉา
- ผลกระทบเหล่านี้ ถึงจะเป็นภัยธรรมชาติที่อาจส่งสัญญาณให้เราร้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงถึงผลกระทบที่มนุษย์เริ่มล้ำเส้นเบียดเบียนธรรมชาติมากขึ้นไปทุกขณะ โลกที่ร้อนขึ้นทุกขณะและทุกทกที่บนโลกกำลังเตือนเราไม่ใช่แค่ ญี่ปุ่น เฮติ เท่านั้น แต่ไทยควรระวังตั้งแต่เกิสึนามิที่เกิดขึ้นเพื่อเตือนว่า "เราทำอะไรอยู่" ? คุณคงไม่อยากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ "คนที่คุณรักหรอกถูกไหมค่ะ " หากเกี่ยงว่าเป็นหน้าที่ของใครก็ไม่มีใครตอบคุณได้หรอกค่ะ เพราะคุณต้องตอบตัวเองเท่านั้นว่าคุณยังอยากเห็นโลกที่เป็นเหมือนบ้านของมนุษย์ทุกคนเป็นอย่างไร
เนื้อหาเพิ่มเติม
อ้างอิงจาก :